แปลจาก...Word History ของ McDougal Littel
แปลโดย...ทรงศักดิ์ สายหยุด

ความสำเร็จของอียิปต์

ความสำเร็จของอียิปต์
การเขียนของชาวอียิปต์
ถ้าเรากำลังอ่านหนังสือหรือดูภาพของผ้าที่เป็นรอยพับ ขา ดาว นก และกิ่งไม้ เราจะรู้หรือไม่ว่า มันหมายถึงอะไร เราควรจะทำอย่างไรถ้าเราเป็นชาวอียิปต์โบราณ ในระบบการเขียนของชาวอียิปต์ หรือ อักษรหรือสัญลักษณ์ของอียิปต์โบราณ (hieroglyphics) ซึ่งเอาสัญลักษณ์ห้าอย่างมารวมกันเป็นความในการสอน อักษรหรือสัญลักษณ์ของอียิปต์โบราณเป็นระบบการเขียนระบบแรกแห่งหนึ่งของโลก

การเขียนในอียิปต์โบราณ
ตัวอย่างการเขียนของอียิปต์ที่รู้จักกันในยุคแรกสุดคือตั้งแต่ประมาณ 3,300 ปีก่อนคริสตกาล การเขียนของชาวอียิปต์ในยุคแรกจะสลักลงในหินหรือในวัตถุแข็ง ๆ อย่างอื่น ต่อมา ชาวอียิปต์ได้เรียนรู้วิธีทำกระดาษพาไพรัส (papyrus) มีอายุยืนยาว เป็นวัสดุคล้ายกระดาษทำจากต้นกก ชาวอียิปต์ทำกระดาษพาไพรัสด้วยการกดต้นกกเป็นชั้น ๆ เข้าด้วยกันและตีจนเป็นชิ้นกระดาษ ชิ้นกระดาษเหล่านี้มีความเหนียวทนทานและใช้ได้นาน ยังม้วนเป็นม้วนกลม ๆ ได้ด้วย อาลักษณ์ได้เขียนกระดาษพาไพรัสด้วยการใช้แปรงและน้ำหมึก
ระบบการเขียนของอักษรอียิปต์โบราณใช้สัญลักษณ์มากกว่า 600 ตัว ส่วนมากเป็นภาพของวัตถุหรือสิ่งของนั้น ๆ แต่ละสัญลักษณ์จะใช้แทนเสียงหนึ่งเสียงหรือมากกว่าในภาษาอียิปต์โบราณ ยกตัวอย่างเช่น ภาพนกเค้าแมว จะใช้แทนเสียงเหมือนกับอักษรตัว M ในภาษาอังกฤษ
อักษรอียิปต์โบราณจะเขียนเป็นแบบแนวนอนหรือไม่ก็เป็นแบบแนวตั้ง อาจจะเขียนจากขวาไปซ้ายหรือจากซ้ายไปขวาก็ได้ ข้อเลือกนี้ทำให้อักษรอียิปต์โบราณมีความยืดหยุ่นในการเขียน แต่อ่านยาก วิธีเดียวที่บอกว่าข้อความเขียนด้วยวิธีไหนคือมองดูสัญลักษณ์แต่ละตัว

ศิลาโรเซตตา (The Rosetta Stone)
นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีรู้จักภาษาอียิปต์โบราณมาเป็นเวลาหลายศตวรรษแล้ว แต่ใช้เวลานานกว่าจะรู้วิธีอ่าน ในความเป็นจริง อ่านไม่ได้เลยจนกระทั่ง ค.ศ. 1799 (พ.ศ. 2342) ทหารชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งได้คนพบกุญแจสำคัญที่จำเป็นสำหรับอ่านอักษรเขียนอียิปต์โบราณให้กับนักประวัติศาสตร์


กุญแจสำคัญนั้นคือ ศิลาโรเซตตา (Rosetta Stone) ซึ่งเป็นแผ่นหินแบนกว้างหนา จารึกด้วยอักษรอียิปต์โบราณ นอกจากอักษรอียิปต์โบราณแล้ว หินโรเซตตาจะมีข้อความเป็นภาษากรีกและรูปแบบต่อมาของอักษรอียิปต์ เนื่องจากข้อความในสามภาษาทั้งหมดมีความคล้ายคลึงกัน นักปราชญ์ที่รู้จักภาษากรีกจึงคำนวณได้ว่าอักษรกรีกโบราณพูดถึงอะไร

ตำราแบบเรียนของอียิปต์
เนื่องจากกระดาษพาไพรัสไม่ผุพังในบรรยากาศอันแห้งแล้วของอียิปต์ ตำราเรียนของอียิปต์จำนวนมากจึงยังคงมีอยู่ ปัจจุบันนี้ นักประวัติศาสตร์จึงสามารถอ่านระบบการปกครองและบันทึกทางประวัติศาสตร์ของอียิปต์ ตำราทางวิทยาศาสตร์และคู่มือแพทย์ได้  งานด้านวรรณคดี เช่น คัมภีร์แห่งความตาย (The Book of the Dead) ซึ่งเล่าเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย ตำราอื่น ๆ ประกอบด้วยบทกวีแห่งความรักและเรื่องราวเกี่ยวกับเทพเจ้าและกษัตริย์



วิหาร สุสาน และศิลปะ
ชาวอียิปต์มีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะ ผนังกำแพงวิหารและสุสานอันสง่างามของอียิปต์ครอบคลุมไปด้วยภาพวาดและภาพแกะสลักอันน่าประทับใจ
นอกจากสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่มีชื่อเสียงมากของอียิปต์ คือ พีระมิดแล้ว ชาวอียิปต์ยังได้สร้างวิหารขนาดมหึมาอีกด้วย วิหารเหล่านี้ยังคงมีอยู่ในกลุ่มสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจในอียิปต์ปัจจุบัน
            ชาวอียิปต์เชื่อว่า วิหารเป็นที่อยู่ของเทพเจ้า ประชาชนจะไปเยี่ยมชมวัดเพื่อสักการะ ถวายของบวงสรวงแก่เทพเจ้าและขอสิ่งที่ปรารถนา
วิหารของชาวอียิปต์จำนวนมาก มีลักษณะเหมือนกัน แถวของสฟิงซ์ (sphinx) ซึ่งเป็นสัตว์ในจิตนาการ มีร่างกายเป็นสิงโตและศีรษะเป็นสัตว์ชนิดอื่นหรือเป็นมนุษย์ ตั้งเป็นแนวนำไปสู่ทางเข้า ทางเข้าก็ใหญ่โตมหึมา ประตูหนา อีกด้านหนึ่งของประตูใหญ่ จะมี obelisk ซึ่งเป็นเสาสูง มีสี่ด้าน มียอดแหลม ตั้งอยู่
ด้านในวิหารจะประดับตกแต่งอย่างมากมายเกินขอบเขต ดังภาพวาดวิหารคาร์นัค (Karnak) ด้านล่าง เสาขนาดใหญ่มหึมาค้ำยันหลังคาวิหารไว้ ในหลายกรณี เสาเหล่านี้จะเต็มไปด้วยภาพวาดและอักษรอียิปต์โบราณ เหมือนกับผนังกำแพงของวิหาร รูปปั้นเทพเจ้าและฟาโรห์จะประทับยืนตามกำแพงทุก ๆ แห่งด้วย สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นส่วนที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดของอาคาร จะอยู่ไกลท้ายสุดของวิหาร
วิหารคาร์นัค เป็นวิหารที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของอียิปต์ วิหารแห่งอื่น ๆ สร้างโดยฟาโรห์รามเสสมหาราชที่อะบูซิมเบล (Abu Simbel) และลักซอร์ (Luxor) ส่วนที่ทำให้วิหารที่อะบูซิมเบลน่าประทับใจมาก ก็คือ ส่วนที่สลักจากหินทรายจากหน้าผาสูงชัน ณ ทางเข้าของวิหาร มีรูปปั้นสูง 66 ฟุต 4 รูป แสดงให้เห็นฟาโรห์รามเสสขณะที่เป็นฟาโรห์ รูปปั้นเล็ก ๆ บางรูปที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ เป็นของราชวงศ์ของพระองค์

ศิลปะของชาวอียิปต์
ชาวอียิปต์โบราณเป็นศิลปินผู้เชี่ยวชาญ วาดภาพฉากพื้นผ้า กระดาษพาไพรัส เครื่องปั้นดินเผา ปูนพลาสเตอร์และไม้ด้วยสีได้อย่างมีชีวิตชีวา ชิ้นงานมีความละเอียดมีทั่วไปตามผนังกำแพงวิหารและสุสาน ศิลปะวิหารจะสร้างขึ้นเพื่อยกย่องเชิดชูเทพเจ้า ในขณะที่ศิลปะสุสานตั้งใจจะให้เกิดความเพลิดเพลินแก่ผู้ตายในปรโลก

เรื่องราวของภาพวาดชาวอียิปต์ขึ้น ๆ ลง ๆ หลายกรณี ภาพวาดบางภาพ แสดงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ เช่น มงกุฎของกษัตริย์และการสร้างวิหาร ภาพวาดอื่น ๆ ให้ความสำคัญด้านพิธีกรรมทางศาสนา ภาพวาดอื่น ๆ ยังคงแสดงให้เห็นฉากจากการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การทำเกษตรกรรมและการล่าสัตว์
ภาพวาดชาวอียิปต์มีรูปแบบเด่นเป็นพิเศษ ศีรษะและขาของประชาชนจะเห็นจากด้านข้างเสมอ แต่ร่างกายส่วนบนและไหล่จะแสดงด้านตรง อีกอย่างหนึ่ง ประชาชนมองดูมีขนาดไม่เท่ากัน บุคคลสำคัญ เช่น ฟาโรห์ จะมองดูใหญ่โตเมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ ในทางตรงกันข้าม สัตว์อียิปต์จะวาดเหมือนจริงเสมอ
ไม่ใช่แต่ภาพวาดที่เป็นรูปแบบศิลปะเท่านั้นที่ชาวอียิปต์มีความเป็นเลิศ ยกตัวอย่าง ชาวอียิปต์ยังมีทักษะความชำนาญด้านงานสลักหิน สุสานมากมายมีรูปปั้นใหญ่มหึมาและภาพแกะสลักรายละเอียดบนผนังกำแพง
ชาวอียิปต์ยังสร้างวัตถุที่สวยงามจากทองคำและหินอันล้ำค่าอีกด้วย พวกเขาทำเครื่องเพชรพลอยสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย มีสร้อยคอ ปลอกคอ และกำไลมือ ชาวอียิปต์ยังใช้ทองคำทำสิ่งของหลายอย่างในสุสานให้ฟาโรห์ของพวกเขาด้วย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นักล่าทรัพย์สมบัติเข้าไปยังสุสานของฟาโรห์จนเต็ม แต่อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยที่สุด สุสานหนึ่งแห่งก็ไม่ถูกรบกวน ในปี ค.ศ. 1922 (พ.ศ. 2465) นักโบราณคดีก็ได้ค้นพบสุสานของกษัตริย์ทุตอังค์อามุน (Tutankhamen) หรือกษัตริย์ทุต สุสานนี้เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติ มีทั้งเพชรพลอย เสื้อผ้า หน้ากากพิธีฝังศพ และรูปปั้นงาช้าง ทรัพย์สมบัติของกษัตริย์ทุตสอนให้พวกเรารู้เกี่ยวกับพิธีปฏิบัติและความเชื่อเกี่ยวพิธีฝังศพ


วิหารคาร์นัค (The Temple of Karnak)
ภาพวาดวิหารคาร์นัค (The Temple of Karnak) ในอดีต