ราชวงศ์ฮั่น (Han Dynasty)
|
||
การปกครองของราชวงศ์ฮั่น
ในขณะที่ราชวงศ์ฉินล่มสลายเมือ่
207 ปีก่อนคริสตกาล มีกลุ่มต่าง ๆ มากมายได้ต่อสู้เพื่อแย่งอำนาจ
หลังจากต่อสู้อยู่หลายปี กองทัพที่นำโดยหลิวปังมีชัยชนะ
หลิวปังจึงกลายจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์ฮั่น
ราชวงศ์จีนราชวงศ์นี้ดำรงอยู่นานมากกว่า 400 ปี
|
||
การอุบัติขึ้นของราชวงศ์ใหม่
หลิวปังเป็นชาวไร่ชาวนา
สามารถกลายเป็นจักรพรรดิในดินแดนที่มีขนาดใหญ่
เนื่องจากจีนมีความเชื่อในพระบัญชาจากสวรรค์ เขาเป็นประชาชนคนธรรมดาที่กลายมาเป็นจักรพรรดิ
เขาได้รับความจงรักภัดีและความสัตย์จากประชาชน อีกประการหนึ่ง เขาได้รับความนิยมชมชอบจากทหารและชาวไร่ชาวนาเป็นอย่างดี
ซึ่งช่วยให้เขารักษาการปกครองไว้ได้
การปกครองของหลิวปังแตกต่างจากลัทธินิตินิยมที่เข้มงวดของราชวงศ์ฉิน
เขาต้องการให้ประชาชนเป็นอิสระจากนโยบายการปกครองที่โหดร้ายทารุณ
เขาลดภาษีให้กับชาวนาและทำการลงโทษที่โหดร้ายน้อยลง เขาได้มอบที่ดินขนาดใหญ่แก่เหล่าผู้สนับสนุนเขา
นอกจากจะจัดตั้งนโยบายใหม่
ๆ แล้ว หลิวปังก็ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานบริหารประเทศ
เขาได้จัดตั้งโครงสร้างรัฐบาลที่ตั้งอยู่บนรากฐานซึ่งเริ่มต้นจากราชวงศ์ฉิน
เขายังไว้วางใจเจ้าหน้าที่ผู้มีการศึกษาให้ช่วยตัวเองปกครองด้วย
หวู่ตี้หรืออู่ตี้ก่อตั้งรัฐบาลใหม่
เมื่อ 400
ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิหวู่ตี้ได้ขึ้นครองราชย์
พระองค์ต้องการให้สร้างรัฐบาลกลางให้เข้มแข็ง เพื่อจะทำเช่นนั้น
พระองค์ก็ได้ยึดแผ่นดินคืนจากขุนนาง เพิ่มภาษีและจัดเสบียงข้าวปลาอาหารให้ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล
ภายใต้การปกครองของหวู่ตี้
ลัทธิขงจื๊อกลายเป็นปรัชญาการปกครองอย่างเป็นทางการของจีน เจ้าหน้าที่รัฐได้รับการคาดหวังว่าจะปฏิบัติตามลัทธิขงจื๊อ
แล้วหวู่ตี้ก็เริ่มสร้างมหาวิทยาลัยเพื่อสอนแนวความคิดขงจื๊อ
ถ้าบุคคลสอบผ่านเกี่ยวกับคำสอนของขงจื๊อ
เขาจะได้รับตำแหน่งที่ดีในรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตาม
ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะได้รับการทดสอบ แบบทดสอบเปิดให้กับประชาชนผู้ที่ได้รับคำแนะนำเพื่อการบริการของรัฐเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
เป็นผลให้ตระกูลที่มั่งคั่งและมีอิทธิพลจึงได้ควบคุมการบริหารรัฐต่อไป
ชีวิตในครอบครัว
ยุคฮั่นเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลทางสังคมขนาดใหญ่ในจีน
โครงสร้างของชนชั้นก็เข้มงวดมากขึ้น ตระกูลจึงมีความสำคัญอีกครั้งในสังคมจีน
ชนชั้นทางสังคม
ประชาชนมีพื้นฐานมาจากระบบของขงจื๊อ
จึงแบ่งชนชั้นเป็น 4 ชนชั้น ชนชั้นสูง คือ จักรพรรดิและราชสำนัก
ตลอดจนนักปราชญ์ผู้ได้รับตำแหน่งในทางการปกครอง ชนชั้นที่สอง
เป็นชนชั้นที่ใหญ่ที่สุด คือ ชาวไร่ชาวนา
ถัดมาคือช่างฝีมือผู้ผลิดสินค้าเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและสินค้าฟุ่มเฟือยบางอย่าง
เหล่าพ่อค้าอยู่ในชนชั้นต่ำ เนื่องจากพวกเขาไม่ผลิตอะไรเลย เพียงแต่ซื้อขายสินค้าที่คนทำขึ้นเท่านั้น
กองทัพไม่ได้จัดเป็นชนชั้นอย่างเป็นทางการในระบบของขงจื๊อ การเข้าร่วมกับกองทัพก็ยังให้ผู้ชายมีโอกาสได้รับสถานะทางสังคมสูงขึ้น
เนื่องจากกองทัพถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล
การดำเนินชีวิตของคนรวยและคนจน
ชนชั้นยังแบ่งประชาชนออกเป็นระดับทางสังคมด้วย
พวกเขาไม่ได้แสดงความมั่งคั่งหรืออำนาจ ยกตัวอย่างเช่น
แม้ชาวไร่ชาวนาจะจัดเป็นชนชั้นที่สูงในระดับที่สอง พวกเขาก็ยังยากจน อีกประการหนึ่ง
พ่อค้าบางคนยังมีความมั่งคั่งและมีอำนาจ แม้จะเป็นชนชั้นต่ำสุด
|
แบบอย่างการดำเนินชีวิตของประชาชนแตกต่างกันตามความมั่งคั่ง
จักรพรรดิและราชสำนักของพระองค์อยู่ในปราสาทขนาดใหญ่
ข้าราชการที่มีความสำคัญน้อยลงมาจะอยู่ในบ้านที่มีหลากหลายระดับซึ่งสร้างอยู่รอบ
ๆ ราชสำนัก ตระกูลที่มั่งคั่งมากมายเหล่านี้เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ดินขนาดใหญ่และจ้างแรงงานมาทำงานบนที่ดิน
ตระกูลบางตระกูลจ้างแม้กระทั่งกองทัพส่วนตัวเพื่อป้องกันทรัพย์สินที่ดินของตนเอง
คนมั่งคั่งมีเครื่องประดับแพง
ๆ เต็มบ้านของตนเอง เครื่องประดับเหล่านี้มีภาพวาด เครื่องปั้นดินเผา
ตะเกียงสำริด และเครื่องเพชรพลอย
ตระกูลที่ร่ำรวยได้จ้างนักดนตรีมาให้ความบันเทิง
แม้แต่หลุมฝังศพของสมาชิกของตระกูลที่ตายแล้วยังเต็มไปด้วยวัตถุที่แพง ๆ สวยงาม
อย่างไรก็ตาม
ประชาชนส่วนมากในราชวงศ์ฮั่นก็ไม่ได้มีชีวิตเหมือนกับผู้มั่งคั่ง ประชาชนเกือบ
60 ล้านคน มีชีวิตอยู่ในจีนในยุคราชวงศ์ฮั่น และประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์เป็นชาวไร่ชาวนาที่อาศัยอยู่ในชนบท
ชาวไร่ชาวนาใช้เวลารับจ้างทำงานบนที่ดินตลอดเวลาอันยาวนาน ไม่อยู่ในทุ่งข้าวฟ่างในตอนเหนือก็อยู่ในนาข้าวทางตอนใต้
การทำงานก็หนัก ในฤดูหนาว ชาวนาจะถูกบังคับให้ไปทำงานในโครงการก่อสร้างของรัฐบาล
ภาษีก็หนัก อากาศก็เลวร้าย
ทำให้เกษตรมากมายขายที่ดินของตนเองและไปทำงานให้กับเจ้าของที่ดินที่ร่ำรวย
เมื่อผ่านไปหลายปีแห่งราชวงศ์ฮั่น เกษตรกรเล็กน้อยที่เป็นอิสระ
ชาวนาจีนมีชีวิตที่เรียบง่าย
พวกเขาสวมเสื้อผ้าเรียบ ๆ ซึ่งทำจากเส้นใยพืชในท้องถิ่น
อาหารหลักที่พวกเขารับประทานคือข้าวสุกเหมือนกับข้าวบาร์เลย์
ช่าวนาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านหลังเล็ก ๆ มีกรอบไม้
กำแพงสร้างด้วยโคลนหรือดินที่บดแล้ว
การฟื้นฟูตระกูล
นับตั้งแต่ลัทธิขงจื๊อเป็นปรัชญาการปกครองอย่างเป็นทางการในระหว่างการครองราชย์ของหวู่ตี้
คำสอนของขงจื๊อเกี่ยวกับครอบก็ได้รับการยกย่อง เด็ก ๆ
ได้รับการสอนตั้งแต่เกิดให้เคารพผู้เฒ่าผู้แก่
การไม่เชื่อฟังบิดามารดาเป็นความผิดร้ายแรง แม่จักรพรรดิทั้งหลายก็มีหน้าที่เคารพบิดามารดา
ขงจื๊อสอนว่า
บิดาเป็นหัวหน้าครอบครัว ภายในครอบครัว บิดามีอำนาจเด็ดขาด ราชวงศ์ฮั่นสอนว่า
เป็นหน้าที่ของสตรีที่จะเชื่อฟังสามีของหล่อน และลูก ๆ
ต้องเชื่อฟังบิดาของพวกเขา
ข้าราชการฮั่นเชื่อว่า
ถ้าครอบครัวเข้มแข็งและประชาชนเชื่อฟังบิดา แล้วประชาชนจะเชื่อฟังจักรพรรดิด้วย
นับตั่งแต่ชาวฮั่นเน้นความผูกพันทางครอบครัวให้เข้มแข็งและความเคารพผู้เฒ่าผู้แก่
ผู้ชายบางพวกแม้ได้รับงานในรัฐบาลซึ่งมีพื้นฐานจากความเคารพที่พวกเขาแสดงต่อบิดามารดา
ลูก ๆ
ได้รับการส่งเสริมให้รับใช้บิดามารดา พวกเขายังได้รับการคาดหวังว่าจะยกย่องให้เกียรติแก่บิดามารดาที่เสียชีวิตแล้ว
ด้วยการทำพิธีและการให้ทาน
สมาชิกในครอบครัวทุกคนก็ได้รับการคาดหวังว่าจะดูแลสถานที่ฝังศพของครอบครัว
บิดามารดาชาวจีนจะตีค่าลูกผู้ชายสูงกว่าลูกผู้หญิง
ข้อนี้เป็นเพราะลูกชายจะสืบสกุลและดูแลบิดามารดาของตนเองเมื่อยามแก่เฒ่า อีกประการหนึ่ง
ลูกผู้หญิงจะกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของสามี ตามที่สุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า
“การย่องยกลูกผู้หญิง เหมือนกับการยกย่องลูก ๆ ให้กับครอบครับอีกครอบครัวหนึ่ง” แต่อย่างไรก็ตาม
ผู้หญิงบางพวกก็ยังคงได้รับอำนาจอยู่ พวกเธอควรจะมีอิทธิพลต่อครอบครัวของบุตรชายอย่างแท้จริง
หญิงหม้ายที่สูงวัยควรจะกลายหัวหน้าของครอบครัวเสียด้วยซ้ำ
|
|
ความสำคัญของครอบครัว
|
ความสำเร็จของราชวงศ์ฮั่น
การปกครองของราชวงศ์ฮั่นเป็นช่วงเวลาแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
ศิลปะและวรรณคดีรุ่งเรือง และนักประดิษฐ์ก็พัฒนาอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากมาย
ศิลปะและวรรณคดี
ชาวจีนในยุคราชวงศ์ฮั่นได้ผลิตผลงานทางด้านศิลปะมากมาย
พวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในภาพวาด ซึ่งเป็นรูปแบบการวาดภาพซึ่งรวมถึงภาพวาดคน
ภาพวาดคนจะแสดงภาพบุคคลสำคัญทางศาสนาและนักปราชญ์ในลัทธิขงจื๊อเสมอ ๆ ศิลปินชาวฮั่นยังวาดฉากในชีวิตประจำวันได้เหมือนจริง
การสร้างสรรค์ของพวกเขาครอบคลุมกำแพงพระราชวังและสุสาน
ในด้านวรรณคดี
จีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นก็มีชื่อเสียงด้านบทกวี นักกวีหลายท่านได้พัฒนารูปแบบบทกวีใหม่
ๆ รวมทั้งรูปแบบบทกวี ฟู่ (赋:fu) ซึ่งเป็นแบบที่มีชื่อเสียงที่สุด กวีฟู่ได้นำร้อยแก้วและร้อยกรองมารวมกันเพื่อสร้างผลงานด้านวรรณคดีให้มีความยาว
บทกวีรูปแบบอีกอย่างหนึ่ง คือ ซือ (詩 หรือ 诗 : Shi) มีลักษณะเป็นบรรทัดสั้น ๆ
ของบทกวีที่สามารถขับร้องได้ นักปกครองฮันได้จ้างนักกวีผู้มีชื่อเสียงเพื่อความสวยงามสละสลวยของบทกวี
นักเขียนชาวฮั่นยังได้ผลิตผลงานที่สำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ด้วย
นักประวัติศาสตร์คนหนึ่งนามว่า ซือหม่าเชียน (司馬遷 : Sima Qian) ได้เขียนประวัติศาสตร์แบบสมบูรณ์เกี่ยวกับราชวงศ์ทุกราชวงศ์ตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่นยุคแรก
รูปแบบและลีลาของเขากลายเป็นแบบอย่างให้กับนักเขียนประวัติศาสตร์รุ่นต่อ ๆ มา
|
การประดิษฐ์และความเจริญก้าวหน้า
ชาวจีนฮั่นได้ประดิษฐ์วัสดุที่พวกใช้อยู่ทุกวันนี้ คือ กระดาษ
พวกเขาทำกระดาษด้วยการบดใยของพืช เช่น เปลือกมัลเบอร์รี่และกัญชา
จนเป็นแป้งเหนียว ครั้นแล้วก็ปล่อยให้แป้งเหนียวเหล่านั้นแห้งเป็นแผ่น
นักปราชญ์จีนได้ผลิตหนังสือดด้วยการวางแผ่นกระดาษหลาย ๆ
แผนเข้าด้วยกันเป็นแผ่นยาว ๆ แล้วก็ม้วนแผ่นกระดาษเหล่านั้นเป็นม้วน
ชาวฮั่นยังได้ทำสิ่งประดิษฐ์อื่น ๆ ในด้านวิทยาศาสตร์ด้วย
สิ่งเหล่านั้น มีนาฬิกาแดดและเครื่องมือวัดแรงสะเทือน
นาฬิกาแดดใช้ตำแหน่งของเงาที่ทอดตามดวงอาทิตย์ในการบอกเวลาเป็นวัน
นาฬิกาแดดเป็นนาฬิกาชนิดแขวนในยุคแรก
เครื่องมือวัดแรงสั่นสะเทือนเป็นอุปกรณ์สำหรับวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
จักรพรรดิฮั่นหลายพระองค์ทรงสนพระทัยในความรู้เกี่ยวกับแผ่นดินไหว ทุกพระองค์เชื่อว่า
แผ่นดินไหวเป็นสัญลักษณ์ที่จะเกิดเหตุการณ์อันเลวร้ายในอนาคต
นวัตกรรมของชาวฮั่นอีกประการหนึ่ง คือการฝังเข็ม ได้ปรับปรุงวิชาการแพทย์
การฝังเข็ม คือ ข้อปฏิบัติในการสอดเข็มแบบละเอียดผ่านผิวหนังไปยังจุดเฉพาะเพื่อรักษาโรคหรือบรรเทาความเจ็บปวด
เครื่องประดิษฐ์ของชาวฮั่นมากมายในวิชาวิทยาศาสตร์และแพทยศาสตร์ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันนี้
|