จักรวรรดิอินเดีย
|
||
จักรวรรดิเมารยะรวมอินเดียเป็นเอกภาพ
เมื่อศตวรรษที่
320 ก่อนคริสตกาล ผู้นำทางทหารนามว่า จันทรคุปตะ เมารยะ ได้ยึดครองอินเดียทั้งหมด แล้วพระองค์ก็ก่อตั้งจักรวรรดิเมารยะ
เมารยะใช้เวลาปกครองประมาณ 150 ปี
|
||
จักรวรรดิเมารยะ
จันทรคุปตะ
เมารยะปกครองจักรวรรดิของพระองค์ด้วยการช่วยเหลือของรัฐบาลผสม
รวมทั้งเครือข่ายจารบุรุษและกองทัพทหารขนาดมหึมา ประมาณ 600,000 คน
ยังมีช้างสงครามหลายพันเชือกและมีรถสงครามหลายพันคัน เกษตรกรได้จ่ายภาษีจำนวนมากให้กับรัฐบาล
เพื่อจ่ายเป็นค่าป้องกันจากกองทัพ
เมื่อ 301
ปีก่อนคริสตกาล จันทรคุปตะได้ตัดสินใจบวชเป็นพระในศาสนาเชน ดังนั้น
พระองค์จึงต้องสละราชบัลลังก์ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์ให้กับโอรส
ผู้ที่ดำเนินการขยายจักรวรรดิต่อไป อีกไม่นาน
เมารยะก็ปกครองอินเดียตอนเหนือทั้งหมดและอินเดียตอนกลางเป็นส่วนมาอีกด้วย
พระเจ้าอโศก
ประมาณ 270
ปีก่อนคริสตกาล หลานของจันทรคุปตะ คือ อโศก ได้ขึ้นครองราชย์ พระเจ้าอโศก
เป็นนักปกครองที่แข็งแรง แข็งแรงที่สุดในบรรดาเหล่าจักรพรรดิเมารยะ
พระองค์ได้ขยายการปกครองทั่วอินเดียมากที่สุด ในขณะที่พิชิตจักรวรรดิอื่น ๆ
พระเจ้าอโศกทรงสร้างจักรวรรดิของพระองค์ให้เข้มแข็งและร่ำรวยมากขึ้น
เป็นเวลาหลายปี
พระเจ้าอโศกทรงเห็นกองทัพของพระองค์หลั่งเลือดต่อสู้กับประชาชนคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม
สองสามปีในการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ พระเจ้าอโศกทรงเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนา ในขณะที่พระองค์หันมานับถือพุทธ
พระองค์ทรงปฏิญาณว่าจะไม่ก่อสงครามพิชิตใด ๆ อีก
|
หลังจากเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนา
พระเจ้าอโศกก็สละเวลาและทรัพยากรเพื่อปรับปรุงชีวิตประชาชนของพระองค์
พระองค์ทรงรับสั่งให้ขุดบ่อน้ำและสร้างถนนไปทั่วจักรวรรดิ
คนงานจะปลูกต้นไม้ให้ร่มเงาตามถนนเหล่านี้และสร้างที่พักแรมให้กับคนเดินทางที่เหนื่อยล้ามาพักผ่อน
พระองค์ยังทรงสนับสนุนให้เผยแพร่พระพุทธศาสนาในอินเดียและส่วนอื่น ๆ ของเอเชีย
ด้วยการส่งพระธรรมทูตไปเผยแพร่ทุกดินแดนทั่วเอเชีย
พระเจ้าอโศกสิ้นพระชนม์เมื่อ
233 ปีก่อนคริสตกาล และจักรวรรดิก็ล่มสลายหลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ได้ไม่นาน โอรสของพระองค์ได้ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงอำนาจ
และเหล่าผู้รุกรานก็เข้ามาคุกคาม เมื่อ 184 ปีก่อนคริสตกาล
กษัตริย์เมารยะองค์สุดท้ายก็ถูกแม่ทัพของพระองค์เองคนหนึ่งปลงพระชนม์
อินเดียได้แยกเป็นรัฐเล็ก ๆ มากมายอีกครั้งหนึ่ง
ผู้นำคุปตะให้การยกย่องเชิดชูศาสนาฮินดู
หลังจากจักรวรรดิเมารยะล่มสลาย
อินเดียจงคงแตกแยกเป็นเวลาหลายปี ในระหว่างนั้น ศาสนาพุทธยังเจริญรุ่งเรืองและเผยแพร่ในอินเดียต่อไป
และด้วยเหตุนั้น ความนิยมของศาสนาฮินดูจึงเสื่อมคลาย
|
แผนที่จักรวรรดิเมารยะ 320 - 185 ปี ก่อน ค.ศ. |
กองทัพเมารยะใช้ช้างศึกในการทำสงครามข่มขู่ในสงคราม ช้างจะเดินอยู่ทัพหน้า ทหารนั่งอยู่บนหลังช้างขว้างหอกไปยังศัตรู |
จักรวรรดิฮินดูใหม่
อย่างไรก็ตาม
ในที่สุดราชวงศ์ใหม่ก็ได้รับการสถาปนาขึ้นในอินเดีย คือ ราชวงศ์คุปตะ
ซึ่งปกครองอินเดียประมาณ คริสต์ศักราช 320 (พ.ศ. 863) ภายใต้การปกครองของราชวงศ์คุปตะ
อินเดียก็เป็นเอกราชอีกครั้ง และมีความเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง
จักรพรรดิคุปตะองค์
คือ จันทรคุปตะ ที่ 1 แม้ว่านามของกษัตริย์เหล่านั้นจะคล้ายกับราชวงศ์เมารยะ
ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันกับจันทรคุปตะ เมารยะ จากฐานในอินเดียตอนเหนือ
กองทัพของจันทรคุปตะก็ได้บุกและพิชิตดินแดนใกล้เคียง ในที่สุด
พระองค์ก็ได้นำอินเดียตอนเหนือส่วนมากมาอยู่ภายใต้การปกครอง
โอรสของจันทรคุปตะ
คือ สมุทรคุปตะ ก็ได้เจริญรอยตามพระองค์ เป็นผู้นำกองทัพที่กล้าหาญ
พระองค์ได้ทำสงครามเพื่อพิชิตต่อไป
ด้วยการทำสงครามต่อสู้กับผู้คนที่เป็นเพื่อบ้าน ด้วยการทำสงครามเหลานี้
สมุทรคุปตะก็ได้ขยายดินแดนให้กับจักรวรรดิของพระองค์มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อใกล้จะสิ้นพระชนม์
พระองค์ปกครองลุ่มแม่น้ำคงเกือบจะทั้งหมด
อารยธรรมอินเดียก็เจริญรุ่งเรืองภายในการปกครองของราชวงศ์คุปตะ
ราชวงศ์นี้เป็นฮินดู ดังนั้น ศาสนาฮินดูจึงกลายเป็นศาสนาสำคัญของอินเดีย
กษัตริย์ราชวงศ์คุปตะได้สร้างวัดฮินดู (เรียก เทวาลัย) ซึ่งบางแห่งก็กลายเป็นสถาปัตยกรรมของอินเดียในยุคต่อมา
ราชวงศ์นี้ยังได้การสนับสนุนฟื้นฟูการเขียนและข้อปฏิบัติการเคารพศาสนาฮินดูด้วย
แม้ว่าราชวงศ์นี้จะเป็นฮินดู
ก็ยังให้การสนับสนุนศรัทธาของศาสนาพุทธและเชนด้วย
สนับสนุนศิลปะพุทธและได้สร้างวัดพุทธหลายแหง ทั้งยังได้สถาปนามหาวิทยาลัยที่นาลันทาซึ่งกลายมาเป็นศูนย์กลางการศึกษาของพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย
(ก่อนที่จะถูกอิสลามทำลาย)
|
สังคมคุปตะ
ใน ค.ศ. 375
(พ.ศ. 918) จักรพรรดิจันทรคุปตะ ที่ 2 ได้ครองราชย์ในอินเดีย
สังคมคุปตะได้ถึงจุดสูงสุดในยุคของพระองค์
ภายใต้การปกครองของจันทรคุปตะ ที่ 2 จักรวรรดิก็ยังเจริญรุ่งเรืองต่อไป
ในที่สุด ก็ขยายยาวเหยียดออกไปถึงอินเดียตอนเหนือ ในเวลาเดียวกันนั้น
เศรษฐกิจของจักรวรรดิก็เข้มแข็งขึ้น และประชาชนก็เจริญรุ่งเรือง ประชาชนได้สร้างงานด้านศิลปะและวรรณคดีอันสวยงาม
ประชาชนภายนอกก็นิยมชมชอบความมั่งคั่งและความสวยงามของจักรวรรดิ
กษัตริย์คุปตะเชื่อว่าการจัดระเบียบสังคมแบบระบบวรรณะฮินดูน่าจะทำให้การปกครองเข้มแข็ง
และยังคิดว่าระบบนั้นจะรักษาจักรวรรดิให้มั่นคง เป็นผลให้ราชวงศ์คุปตะถือว่าระบบวรรณะเป็นส่วนสำคัญของสังคมอินเดีย
การปกครองของราชวงศ์คุปตะยังคงเข้มแข็งในอินเดียจนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่
400 ในเวลานั้น ชาวฮั่น ซึ่งเป็นกลุ่มคนจากเอเชียกลาง
ได้บุกรุกอินเดียจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ความโหดร้ายของชาวฮั่นได้โจมตีกวาดล้างอำนาจและความมั่งคั่งของจักรวรรดิคุปตะ
ในขณะที่กองทัพชาวฮั่นเรียงหน้าบุกรุกไปไกลถึงอินเดีย
ราชวงศ์คุปตะจึงสูญสิ้นความหวัง
ประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่
500 ราชวงศ์คุปตะก็ล่มสลาย
และอินเดียก็ได้แตกแยกเป็นราชอาณาจักรเล็กน้อยอีกครั้งหนึ่ง
|
แผนที่จักรวรรดิคุปตะ ค.ศ. 400 |
ภาพวาดสมัยคุปตะนี้ เป็นฉากหนึ่งในพระราชวัง แสดงความแตกต่างระหว่างวรรณะของอินเดีย ราชวงศ์คุปตะสนับสนุนศาสนาฮินดูและระบบวรรณะ |