การติดต่อกับวัฒนธรรมอื่น ๆ ในสมัยราชวงศ์ฮั่น
เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมการผลิต
ความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมการผลิตมากมายได้เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น
เป็นผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นและจักรวรรดิก็เจริญรุ่งเรือง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ปูทางให้กับจีนในการติดต่อกับประชาชนในวัฒนธรรมอื่น
ๆ
เมือสมัยราชวงศ์ฮั่น ชาวจีนกลายเป็นช่างเหล็กผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาได้ผลิตดาบและเกราะเหล็กซึ่งทำให้กองทัพมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เกษตรกรยังได้ประโยชน์จากความเจริญก้าวหน้าในด้านเหล็ก
ไถเหล็กและรถเข็นล้อเดียวสำหรับขนดินได้เพิ่มผลิตผลทางการเกษตร เกษตรกรลากทุกสิ่งทุกอย่างได้มากกว่า
300 ปอนด์ด้วยรถเข็นล้อเดียวนั้นด้วยตัวเอง
และสามารถไถนาได้มากขึ้นด้วยไถเหล็กและเพิ่มอาหารได้มากขึ้น
สินค้าอีกประการหนึ่งที่เพิ่มผลผลิตในสมัยราชวงศ์ฮั่นคือ
ผ้าไหม ซึ่งเป็นสิ่งทอที่อ่อนนุ่ม เบา มีคุณค่าสูง เป็นเวลาหลายศตวรรษ
ผู้หญิงชาวจีนรู้จักวิธีที่สลับซับซ้อนที่จำเป็นในการเลี้ยงตัวไหม
การปั่นเส้นไหมจากรังไหม และการเตรียมเส้นไหมเพื่อย้อมและทอ ชาวจีนตัดสินใจจะเก็บรักษาขบวนการทำไหมของพวกเขาให้เป็นความลับ
การเปิดเผยความลับเหล่านี้จะถูกลงโทษถึงตาย
ในสมัยราชวงศ์ฮั่น
ช่างทอผ้าใช้กี่กระตุกที่ใช้พลังเท้าเพื่อทอเส้นไหมเป็นสิ่งทอที่สวยงาม เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ทำจากไหมนี้มีราคาแพงมาก
|
เส้นทางการค้าขาย
สินค้าของชาวจีน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าไหมและเครื่องปั้นดินเผาอันสวยงาม
ประชาชนในดินแดนอื่นจะให้ราคาสูง ในสมัยราชวงศ์ฮั่น
สินค้าเหล่านี้มีคุณค่าแก่ประชาชนนอกประเทศจีน จึงช่วยให้การค้าขายเจริญขึ้น
การค้าขายขยายตัว
การค้าขายเจริญขึ้นเป็นบางส่วน
เนื่องจากกองทัพฮั่นได้พิชิตดินแดนที่อยู่ลึกเข้าไปในเอเชียกลาง เหล่าผู้นำ ณ
ดินแดนแห่งนั้น ได้กล่าวกับผู้นำกองทัพฮั่นว่า
ประชาชนผู้ที่อาศัยอยู่ไกลออกไปทางด้านตะวันตกมีความต้องการผ้าไหม ในเวลาเดียวกันนั้น
จักรพรรดิหวู่ตี้ต้องการม้าจากเอเชียกลาง
ที่มีความแข็งแรงทนทานให้กับกองทัพของพระองค์
ผู้นำจีนเห็นว่าตนเองจะได้ประโยชน์จากการนำผ้าไหมไปยังเอเชียกลางและค้าขายผ้าไหมเพื่อแลกม้า
ครั้นแล้ว ประชาชนชาวเอเชียกลางจะนำผ้าไหมไปยังตะวันตกและค้าขายเพื่อแลกผลิตภัณฑ์อื่น
ๆ ที่ตัวเองต้องการ
|
เทคนิคการทำผ้าไหมได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
เป็นความลับในจีนสมัยโบราณ เนื่องจากไหมเป็นสิ้นค้าที่มีค่าสำหรับการค้าขายในดินแดนที่ห่างไกล
คนงานจะทำไหมจากรังของตัวไหม ซึ่งเหมือนกับที่ทำในปัจจุบัน
|
เส้นทางสายไหม (The Silk Road)
เหล่าพ่อค้าได้ใช้เส้นทางข้ามดินแดนเป็นชุด
ๆ เพื่อนำสินค้าจีนไปให้กับผู้ซื้อที่อยู่ไกลออกไป
เส้นทางการค้าขายที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ เส้นทางสายไหม (The Silk Road) เส้นทางสายไหมนี้ มีเส้นทางเป็นเครือข่ายยาว 4,000 ไมล์
ยาวเหยียดจากประเทศจีนไปทางทิศตะวันตก
ข้ามทะเลทรายและเทือกเขาหลายแห่งของทวีปเอเชีย ผ่านเอเชียกลาง
จนกระทั่งถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เหล่าพ่อค้าชาวจีนไม่ได้ท่องเที่ยวไปทั่วถนนสายไหมทั้งหมด
เมื่อถึงเอเชียกลาง
พ่อค้าเหล่านั้นก็ขายสินค้าของตนเองให้กับพ่อค้าในท้องถิ่นซึ่งจะนำสินค้าเหล่านั้นไปยังส่วนอื่น
ๆ ของเส้นทาง
การท่องเที่ยวไปตามเส้นทางสายไหมแตกต่างกัน
มนุษย์และอูฐหลายร้อยแบกภาระหนักด้วยสินค้าที่มีค่า
มีทั้งผ้าไหมและเครื่องเพชรพลอย รวมกันเป็นกลุ่ม พวกเขาท่องเที่ยวไปตามถนนสายไหมพร้อมเพรียงกันเพื่อปกปักรักษาสินค้า
ผู้อารักขาติดอาวุธจะถูกจ้างมาเพื่อปกปักรักษาเหล่าพ่อค้าจากโจรผู้ร้ายที่จะมาโขมยสินค้าและน้ำ
ซึ่งเป็นของจำเป็นอันล้ำค่า สภาพอากาศยื่นอันตรายอื่น ๆ มาให้
เหล่าพ่อค้าเผชิญความหนาวเหน็บพายุหิมะที่เป็นน้ำแข็ง ความร้อนของทะเลทราย และพายุทะเลทรายที่ทำให้มองไม่เห็นทาง
เส้นทางสายไหม
ตั้งชื่อตามสินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดที่ลำเลียงไปตามเส้นทางนั้น เส้นทางสายไหมคุ้มค่าแก่การเสี่ยงมากมาย
ผ้าไหมมีชื่อเสียงมากในกรุงโรม ยกตัวอย่างเช่น จีนมีความมั่งคั่งจากการสัมพันธภาพทางการค้าแต่เพียงผู้เดียว
เหล่าพ่อค้ากลับจากกรุงโรมพร้อมทั้งเงิน ทอง หินมีค่า และม้า
พุทธศาสนามาสู่จีน
ในขณะที่ประชาชนชาวจีนเดินทางมาติดต่อกับอารยธรรมอื่น
ๆ พวกเขาก็ได้แลกเปลี่ยนแนวความคิดพร้อมด้วยการค้าขายสินค้า ศาสนาใหม่ก็อยู่ในแนวความคิดเหล่านั้น
ในคริสต์ศตวรรษแรก
พุทธศาสนาได้เผยแพร่จากอินเดียไปสู่จีนตามเส้นทางสายไหมและเส้นทางการค้าขายอื่น
ๆ
|
การมาถึงของศาสนาใหม่
เมื่อเวลาผ่านไป
รัฐบาลฮั่นก็มีความเสถียรภาพน้อยลง ประชาชนไม่รู้กฎหมายและความรุนแรงก็เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ
ในขณะที่การก่อการกบฎก้รุนแรงขึ้น ชาวนาหลายล้านคนตกอยู่ในความอดอยากโหยหิว ชีวิตกลายเป็นเรื่องรุนแรงและไม่แน่นอน
ชาวจีนมากมายหวังพึ่งลัทธิเต๋าหรือลัทธิขงจื๊อเพื่อค้นหาวิธีที่พวกเขาต้องประสบทุกข์มากมาย
แต่พวกเขาก็ไม่ได้คำตอบที่จะให้ความช่วยเหลือ
พุทธศาสนาดูเหมือนจะให้ความหวังมากกว่าความเชื่อของจีนดั้งเดิม
ด้วยการเสนอการเกิดใหม่และการผ่อนคลายจากทุกข์
ลักษณะที่ดีนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ชาวจีนยอมรับพระพุทธศาสนา
ผลกระทบที่มีต่อประเทศจีน
ในครั้งแรก
พุทธศาสนิกชนชาวอินเดียมีความยุ่งยากในการอธิบายศาสนาของตนเองแก่ชาวจีน
ครั้นแล้ว
พวกเขาก็ใช้แนวความคิดที่ค้นพบในลัทธิเต๋าเพื่อช่วยอธิบายความเชื่อทางพระพุทธศาสนา
ประชาชนมากมายมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับพุทธศาสนา
ในไม่ช้า
พุทธศาสนาก็ได้รับความนิยมในประเทศจีนทั้งในหมู่คนจนและชนชั้นสูง ประมาณคริสต์ศักราช
200 แท่นบูชาของชาวพุทธก็ตั้งอยู่ในพระราชวังของจักรพรรดิ
ตัวอย่างของการเผยแพร่
ซึ่งเป็นการเผยแพร่แนวความคิดจากวัฒนธรรมหนึ่งไปยังอีกวัฒนธรรมหนึ่ง คือ
การที่พระพุทธศาสนาเข้ามาสู่ประเทศจีน รากฐานของวัฒนธรรมจีนเปลี่ยนแปลงไปในการขานรับศรัทธาแบบใหม่
ยกตัวอย่างเช่น นักปราชญ์ได้แปลคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเป็นภาษาจีน
ชาวจีนมากมายบวชเป็นพระภิกษุและพระภิกษุณีในพุทธศาสนา
เหล่าศิลปินได้แกะสลักพระพุทธปฏิมากรขนาดมหึมาเข้าไปในผนังของภูเขา
|
พระพุทธปฏิมากรขนาดใหญ่นี้อยู่ในประเทศจีน
เป็นพระพุทธปฏิมากรที่ใหญ่ที่สุดในโลก สลักไว้ที่ข้างภูเขาและทอดพระเนตรลง ณ บริเวณสถานที่บรรจบกันแห่งแม่น้ำสามสาย
|